ในยุคที่ LGBTQ+ ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางสุขภาพทางเพศ การใช้ PrEP แบบฉีด (Long‑acting injectable PrEP) กลายเป็นทางเลือกที่สะดวกขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่สะดวกกับการกินยาเพียงวันละเม็ด ปัจจุบันมีข้อมูลจากงานวิจัยที่แสดงว่า PrEP แบบฉีดสามารถป้องกันเอชไอวี ได้ดีกว่ายาเม็ดแบบดั้งเดิม และได้รับการรับรองในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย
PrEP แบบฉีด คืออะไร?
ยา Cabotegravir จะถูกฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (ส่วนใหญ่มักเป็นกล้ามเนื้อสะโพกหรือต้นขา) โดยแพทย์หรือผู้ให้บริการสุขภาพเท่านั้น
ประสิทธิภาพPrEP แบบฉีด (Long-acting injectable PrEP) คือ วิธีการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่ใช้การฉีดยา Cabotegravir Long-Acting (CAB-LA) เข้าสู่ร่างกาย โดยยาจะออกฤทธิ์ยาวนาน ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
วิธีการใช้งาน
- เริ่มต้นด้วยการฉีด 2 เข็มแรก ห่างกัน 1 เดือน: เพื่อสร้างระดับยาที่คงตัวในร่างกาย
- จากนั้นฉีดทุก 2 เดือน: เพื่อรักษาระดับยาต่อเนื่องให้เพียงพอในการป้องกันเชื้อเอชไอวี
จากการศึกษาทางคลินิก เช่น การทดลอง HPTN 083 และ HPTN 084 พบว่า PrEP แบบฉีดมีประสิทธิภาพ ดีกว่า PrEP แบบกินเม็ดรายวัน โดยสามารถลดโอกาสการติดเชื้อเอชไอวีได้สูงถึง 79–89% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาเม็ด Tenofovir/Emtricitabine แบบเดิม
เหมาะสำหรับใคร?
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น กลุ่ม LGBTQ+, ชายรักชาย (MSM), หญิงข้ามเพศ
- ผู้ที่ไม่สะดวกกินยาทุกวัน
- ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการป้องกันเชื้อเอชไอวี
- ผู้ที่มีแนวโน้มลืมกินยา หรือมีพฤติกรรมที่ไม่สม่ำเสมอ
ข้อดี
- ไม่ต้องกินยาทุกวัน
- ลดความกังวลเรื่องลืมกินยา
- มีประสิทธิภาพสูง และมีผลยาวนาน
- เหมาะกับผู้ที่ไม่สะดวกใช้ PrEP แบบเม็ด
ข้อควรระวัง
- ต้องได้รับการฉีดโดยบุคลากรทางการแพทย์
- ต้องมาตามนัดทุก 2 เดือน ไม่ควรขาด
- อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ปวด บวม หรือคันบริเวณที่ฉีด
PrEP แบบฉีดกำลังกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันเอชไอวีโดยไม่ต้องพึ่งพาการกินยาเม็ดเป็นประจำทุกวัน และเริ่มมีการนำมาใช้ในประเทศไทยในวงจำกัดแล้ว โดยมีแนวโน้มขยายสู่ระบบสุขภาพในวงกว้างเร็ว ๆ นี้.
วิธีใช้ PrEP แบบฉีดอย่างถูกต้อง
การใช้ PrEP แบบฉีด (Cabotegravir Long-Acting หรือ CAB-LA) ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าการป้องกันเอชไอวีมีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัย โดยขั้นตอนที่ควรรู้และปฏิบัติ ได้แก่
- ตรวจสุขภาพก่อนเริ่มใช้ยา
- ก่อนเริ่มใช้ PrEP แบบฉีด แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อประเมินสุขภาพโดยรวม เช่น:
- ตรวจหาเชื้อเอชไอวี เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ติดเชื้ออยู่ก่อนเริ่มใช้ PrEP
- ตรวจการทำงานของตับและไต เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา
- อาจรวมถึง การตรวจโรคติดต่อทางเพศอื่น ๆ (STIs) เพื่อวางแผนการดูแลแบบองค์รวม
- เริ่มฉีดในช่วงต้น
- ฉีดเข็มแรก วันเริ่มต้น
- ฉีดเข็มที่สอง ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน เพื่อให้ระดับยาในร่างกายคงตัว
- หลังจากนั้น ฉีดทุก 2 เดือน เพื่อคงประสิทธิภาพการป้องกัน
- การพลาดการฉีดตามกำหนดอาจลดประสิทธิภาพของยา จึงควรนัดหมายล่วงหน้าและมาตามนัดทุกครั้ง
- ตรวจติดตามสุขภาพเป็นระยะ
- ตรวจหาเชื้อเอชไอวีซ้ำเป็นระยะ ตามคำแนะนำของแพทย์ (โดยทั่วไปทุก 3 เดือน)
- ประเมินอาการข้างเคียง หรืออาการผิดปกติ เช่น ปวดบริเวณฉีด ตับอักเสบ หรือปัญหาอื่น ๆ
- ตรวจการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ตามความเหมาะสม
- สังเกตอาการหลังฉีด
- หลังการฉีด อาจมีอาการบางอย่างที่พบได้ เช่น:
- ปวด บวม แดง หรือคันบริเวณที่ฉีด
- อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หรือมีไข้เล็กน้อย (อาการเหล่านี้มักหายได้เองใน 1–3 วัน)
- หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที
- ไม่กระทบการใช้ฮอร์โมนของ LGBTQ+ PrEP แบบฉีด ไม่มีผลรบกวนกับฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือเทสโทสเตอโรน ที่ใช้ในกระบวนการยืนยันเพศสภาพ เช่นในหญิงข้ามเพศหรือชายข้ามเพศ อย่างไรก็ตาม ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมน เพื่อให้สามารถประเมินสุขภาพได้ครบถ้วน
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- ควรใช้ ถุงยางอนามัยควบคู่กันด้วย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศอื่น ๆ ที่ PrEP ไม่สามารถป้องกันได้
- หากมีการหยุดฉีด PrEP แบบฉีด ควรแจ้งแพทย์ทันที เพราะอาจต้องมีแผนเปลี่ยนไปใช้ยาเม็ด หรือกำหนดเวลาสำหรับเริ่มต้นใหม่อย่างเหมาะสม
การใช้ PrEP แบบฉีดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเอชไอวี โดยเฉพาะในกลุ่ม LGBTQ+ ที่ต้องการทางเลือกที่สะดวกและไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน.
เปรียบเทียบ PrEP เม็ด และ PrEP แบบฉีด
สิ่งที่ LGBTQ+ ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด PrEP แบบฉีด
ก่อนเริ่มต้นใช้งาน ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบเพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยในระยะยาว
- ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้งานทุกครั้ง การฉีด PrEP ไม่ใช่การตัดสินใจที่ควรทำเองโดยไม่ผ่านการประเมิน แพทย์จะช่วยวางแผนการใช้ยาให้เหมาะสมกับพฤติกรรมทางเพศ สุขภาพร่างกาย และการใช้ยาอื่น ๆ ที่อาจมีอยู่เดิม
- ประเมินด้านสุขภาพทั่วไป ตรวจเอชไอวี และโรคติดต่ออื่น ก่อนเริ่มต้น ต้องตรวจ
- สถานะการติดเชื้อเอชไอวี เพื่อป้องกันการใช้ PrEP ขณะติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว
- การทำงานของตับและไต เพื่อความปลอดภัยของยา
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น เช่น ซิฟิลิส หนองใน เพื่อให้มีการดูแลแบบองค์รวม
- หากใช้ฮอร์โมนอยู่ แจ้งแพทย์เพื่อประเมินร่วม สำหรับผู้ที่ใช้ฮอร์โมนเพศ เช่น หญิงข้ามเพศ (MTF) หรือชายข้ามเพศ (FTM) ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะแม้ว่า PrEP แบบฉีด ไม่มีผลรบกวนโดยตรงกับฮอร์โมน แต่การประเมินร่วมจะช่วยให้การติดตามสุขภาพครอบคลุมยิ่งขึ้น
- วางแผนการฉีดล่วงหน้า และไม่พลาดนัดฉีดทุก 2 เดือน PrEP แบบฉีดต้องฉีดทุก 2 เดือนตามกำหนด หากพลาดนัด อาจทำให้ระดับยาในร่างกายไม่เพียงพอและลดประสิทธิภาพในการป้องกัน ควรวางแผนการนัดหมายล่วงหน้า โดยเฉพาะหากมีแผนเดินทางหรือทำงานไม่เป็นเวลา
- ใช้ร่วมกับถุงยางในการป้องกันโรคติดต่ออื่น ๆ แม้ PrEP จะมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเอชไอวี แต่ ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือ HPV ได้ การใช้ถุงยางอนามัยจึงยังคงเป็นวิธีเสริมที่แนะนำเพื่อสุขภาพทางเพศที่สมบูรณ์แบบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ PrEP แบบฉีด
Q1: ปลอดภัยจริงไหมสำหรับคนข้ามเพศ?
A: ปลอดภัยแน่นอน งานวิจัย HPTN 083 ซึ่งเป็นการศึกษาครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ พบว่า PrEP แบบฉีดมี ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการป้องกันในชายรักชาย และ ไม่มีผลกระทบต่อระดับฮอร์โมนเพศ ที่ใช้ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางเพศ (Gender-Affirming Hormone Therapy) ดังนั้น คนข้ามเพศสามารถใช้ PrEP ฉีดได้อย่างมั่นใจภายใต้การดูแลของแพทย์
Q2: ถ้าลืมฉีดจะเกิดอะไร?
A: PrEP แบบฉีดต้องฉีดทุก 2 เดือน อย่างสม่ำเสมอ หากลืมนัดนานเกินกำหนด ระดับยาในเลือดอาจลดลงจน เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี
ในกรณีนี้ ควร
- รีบติดต่อคลินิกทันที
- แพทย์อาจประเมินให้ เริ่มรอบการฉีดใหม่
- หรือ ใช้ PrEP แบบเม็ดชั่วคราว จนกว่าจะสามารถกลับเข้าสู่รอบการฉีดตามปกติได้
ห้ามเว้นช่วงฉีดโดยไม่ปรึกษาแพทย์เด็ดขาด
Q3: มีผลข้างเคียงไหม?
A: ผลข้างเคียงจาก PrEP แบบฉีดมักเป็นเพียง อาการเฉพาะจุด เช่น
- ปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีด
- มีไข้ต่ำหรือเมื่อยล้าในวันแรกหลังฉีด
อาการเหล่านี้ มักหายได้เองภายใน 1–3 วัน และยังไม่พบรายงานผลข้างเคียงร้ายแรงในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติหรือรุนแรง ควรแจ้งแพทย์ทันที
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
- การป้องกันเอชไอวีในกลุ่ม LGBTQ+ แนวทางสำคัญเพื่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดี
- การใช้เพร็พ และเป๊ปในกลุ่ม LGBTQ+ : แนวทางการป้องกันเอชไอวีอย่างมั่นใจ
PrEP แบบฉีด (CAB‑LA) ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่ ปลอดภัย สะดวก และเหมาะกับ LGBTQ+ ที่ต้องการชีวิตป้องกันเอชไอวี แต่ไม่อยากกินยาเม็ดทุกวัน มีประสิทธิภาพสูง และช่วยลดภาระทางจิตใจ
หากคุณสนใจ ปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจร่างกายตัวคุณก่อนเริ่มใช้งาน และติดตามข่าวสารการเข้าถึง PrEP แบบฉีดในประเทศไทย
เอกสารอ้างอิง
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PrEP Overview. Comprehensive details on PrEP use, effectiveness, and guidelines. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/hiv/basics/prep.html
- World Health Organization (WHO). Consolidated guidelines on HIV prevention, testing, treatment, service delivery and monitoring. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/publications/i/item/9789240031593
- The Lancet HIV. Injectable cabotegravir for prevention of HIV infection in women: results from HPTN 084. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.thelancet.com/journals/lanhiv/article/PIIS2352-3018(20)30263-4/fulltext
- กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการให้บริการยาเพร็พ (PrEP) เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1164820230829110431.pdf
- มูลนิธิเพื่อรัก (Love Foundation). PrEP แบบฉีดคืออะไร? ใช้ร่วมกับฮอร์โมนข้ามเพศได้ไหม. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://lovefoundation.or.th/injectable-prep-in-thailand/






