Chemsex คืออะไร? เปิดโลกของเซ็กซ์ และยาเสพติดในชุมชน LGBTQ+

//

lgbtthai

beefhunt

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า Chemsex กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในแวดวงสุขภาพทางเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และชุมชน LGBTQ+ ทั่วโลก Chemsex ไม่ได้เป็นเพียงแค่รูปแบบของการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังพัวพันกับการใช้สารเสพติดเพื่อเพิ่มความสุขทางเพศ กระตุ้นอารมณ์ และลดความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งนำมาสู่ความเสี่ยงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคมอย่างรอบด้าน

Chemsex คืออะไร? เปิดโลกของเซ็กซ์ และยาเสพติดในชุมชน LGBTQ+

Chemsex คืออะไร?

Chemsex เป็นคำที่ผสมระหว่างคำว่า Chemical (สารเคมี) และ Sex (เพศสัมพันธ์) ซึ่งหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการใช้สารกระตุ้น หรือยาเสพติด โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสุขทางเพศ ลดความเขินอาย ความกลัว หรือความวิตกกังวล และช่วยให้มีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้น หรือดุเดือดมากขึ้น

Chemsex มักเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่เป็นกลุ่ม หรือปาร์ตี้ เช่น การรวมตัวกันในอพาร์ตเมนต์ หรือโรงแรม ที่มีการใช้ยา และมีเพศสัมพันธ์ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือหลายวัน ผู้เข้าร่วมบางคนอาจไม่ได้นอนเลยในช่วงเวลาดังกล่าว และหลายครั้งมีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีเพศสัมพันธ์กับหลายคนในครั้งเดียว

ยาเสพติดที่พบบ่อยในวงการ Chemsex

  • Methamphetamine (ไอซ์) ยาที่กระตุ้นประสาทอย่างรุนแรง ทำให้รู้สึกตื่นตัว มีพลังงานสูง และไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ผู้ใช้มักมีเซ็กซ์ได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกอ่อนล้า
  • GHB/GBL (ยาเสียสาว) สารที่ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลาย และลดความยับยั้งชั่งใจ แต่ในขณะเดียวกัน หากใช้เกินขนาดอาจทำให้หมดสติหรือหายใจล้มเหลวได้
  • Mephedrone (เมฟ) สารกระตุ้นที่คล้ายโคเคน ทำให้รู้สึกตื่นเต้น อารมณ์ดี และมีความใคร่มากขึ้น
  • Ketamine (เคตามีน) ยาหลอนประสาทที่ใช้ในวงการแพทย์ แต่หากใช้ผิดวิธีจะทำให้มีอาการหลงผิด วูบหลับ หรือหมดสติ
  • Poppers (ป๊อปเปอร์) ยาสูดดมที่ทำให้เส้นเลือดขยายทันที รู้สึกหัวเบา เคลิบเคลิ้ม และช่วยให้การมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ง่ายขึ้น

ยาเหล่านี้มักใช้เดี่ยว หรือผสมกัน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสพติด การได้รับอันตรายจากการใช้ยาเกินขนาด หรือแม้แต่การเสียชีวิต

“ChatLove2test"

ทำไม Chemsex ถึงแพร่หลายในชุมชน LGBTQ+?

แม้การมีเพศสัมพันธ์ควบคู่กับการใช้สารกระตุ้นจะไม่จำกัดอยู่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ Chemsex กลับพบได้บ่อยเป็นพิเศษในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และชุมชน LGBTQ+ ด้วยเหตุผลที่ซับซ้อน และลึกซึ้งทางสังคม และจิตวิทยาหลายประการ เช่น

  • การแสวงหาการยอมรับในสังคม ในหลายวัฒนธรรม ผู้มีความหลากหลายทางเพศต้องเผชิญกับการตีตรา การเลือกปฏิบัติ หรือแม้แต่ความรุนแรง ทำให้บางคนรู้สึกไม่มั่นใจในตัวตน และพยายามหลีกหนีความรู้สึกต่ำต้อยนั้นด้วยการเข้าสู่สังคมที่ “เข้าใจ” ตนเองมากกว่า ซึ่งบางครั้งก็เป็นวงจรของ Chemsex ที่มีคนพูดคุยแบบเปิดเผยมากกว่าสังคมภายนอก
  • การนัดเจอผ่านแอปหาคู่นอน แอปพลิเคชันสำหรับเกย์ เช่น Grindr, Hornet, หรือ Romeo มีบทบาทอย่างมากในการแพร่กระจายของวัฒนธรรม Chemsex เนื่องจากช่วยให้นัดเจอกันได้ง่าย และในบางกรณีมีการใช้รหัสเฉพาะเพื่อบ่งบอกว่าพร้อมสำหรับ Chemsex เช่น “PnP” (Party and Play), “Tina” (Methamphetamine), หรือ “High Fun”
  • ความโดดเดี่ยวหรือความเครียดสะสม หลายคนในชุมชน LGBTQ+ เผชิญกับภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือโรค PTSD จากการถูกบูลลี่ หรือการถูกปฏิเสธจากครอบครัว Chemsex กลายเป็นวิธี “หลบหนี” จากความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านั้นชั่วคราว โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง
  • อิทธิพลของวัฒนธรรมย่อย (Subculture) ในบางวงการของเกย์ เช่น กลุ่ม Circuit Party หรือกลุ่ม Fetish อาจมอง Chemsex เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ เป็นเรื่องที่พูดถึงอย่างเปิดเผย และไม่ถูกตัดสินว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องผิด หรืออันตราย บางครั้งยิ่งเป็นคูล หรือเซ็กซี่ ถ้ากล้าลองยา

พฤติกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex

การมีเพศสัมพันธ์ในสถานการณ์ Chemsex มักมาพร้อมกับพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และผลกระทบอื่น ๆ ได้แก่

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง
  • การเปลี่ยนคู่นอนหลายคนในช่วงเวลาสั้น
  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน (Slamming)
  • การหมดสติหรือไม่สามารถยินยอมโดยสมบูรณ์
  • การมีเพศสัมพันธ์ต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงหรือวันจนร่างกายอ่อนล้า

ความเสี่ยงต่อสุขภาพกาย และจิต

  • สุขภาพกาย
    • การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น HIV, ซิฟิลิส, หนองใน, เริม
    • การใช้ยาเกินขนาด (Overdose) โดยเฉพาะ GHB ที่มีปริมาณต่างกันเพียงเล็กน้อยก็เป็นอันตรายถึงชีวิต
    • การติดยาเสพติดเรื้อรัง
    • โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ และประสาท
  • สุขภาพจิต
    • ภาวะซึมเศร้า และวิตกกังวลเรื้อรัง
    • Psychosis หรือภาวะหลงผิดหลังใช้ Methamphetamine
    • ความรู้สึกผิด และต่ำต้อยหลังเลิกยา
    • การฆ่าตัวตาย

Chemsex เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีอย่างไร?

Chemsex มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ดังนี้

“PrEPLove2test"
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ในสถานการณ์ Chemsex ผู้เข้าร่วมมักละเลยการใช้ถุงยางอนามัย ทั้งจากความเคลิบเคลิ้ม หรือความรู้สึกว่ามีความไว้วางใจในคู่นอนแบบชั่วคราว ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ยิ่งเพิ่มโอกาสการติดเชื้อเอชไอวีอย่างมาก
  • การใช้สารเสพติดที่ลดความระมัดระวัง (Impaired Judgment) ยาเสพติดหลายชนิดที่ใช้ใน Chemsex มีผลต่อสมอง ทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ไม่ดี ขาดสติ และขาดการยับยั้งตนเอง ทำให้หลายคนจึงยอมรับความเสี่ยงที่ไม่ควรเกิด เช่น มีคู่นอนหลายคนในช่วงเวลาเดียวกัน หรือไม่สนใจสถานะ เอชไอวี ของคู่นอน
  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีด อาจแชร์เข็ม ฉีดร่วมกัน หรือใช้เข็มซ้ำโดยไม่ได้ฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นช่องทางการรับเชื้อเอชไอวีโดยตรง ทำให้ไวรัสสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ทันทีหากใช้เข็มปนเปื้อนจากผู้ติดเชื้อ
  • การไม่ปฏิบัติตามการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) อย่างเคร่งครัด ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเข้าร่วม Chemsex อาจละเลยการกินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง เช่น ลืมกินยา พักการรักษา หรือหยุดยา ซึ่งพฤติกรรมนี้อาจทำให้ระดับไวรัสในเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น แม้โดยไม่ตั้งใจ
  • การร่วมกิจกรรมกลุ่ม และมีคู่นอนหลายคน เพราะ Chemsex มักเกี่ยวข้องกับปาร์ตี้ หรือกิจกรรมที่มีคู่นอนจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ (เช่น sex party หรือ chill party) และในสถานการณ์เช่นนี้ ความเสี่ยงจะสูงขึ้นหลายเท่า ทั้งจากการไม่รู้สถานะของคู่นอน และการสลับคู่อย่างต่อเนื่อง
การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชน LGBTQ+

การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชน LGBTQ+

การพูดถึง Chemsex ในชุมชน LGBTQ+ ไม่ควรถูกจำกัดไว้ในกรอบของการกล่าวโทษ หรือประณาม เพราะการใช้สารกระตุ้นในบริบทของเพศสัมพันธ์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับบริบททางสังคม จิตใจ และวัฒนธรรมย่อยที่ซับซ้อน การลดการใช้ Chemsex อย่างยั่งยืนจึงไม่สามารถทำได้ด้วยการห้ามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการสร้างพื้นที่ปลอดภัย ที่ให้คนในชุมชนสามารถพูดคุย รับฟัง และเลือกแนวทางการดูแลตัวเองได้อย่างเสรี ปราศจากความกลัวว่าจะถูกตัดสิน ดังนี้

  • สร้างความเข้าใจโดยปราศจากการตีตรา คนที่มีประสบการณ์กับ Chemsex ควรได้รับการรับฟังอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ถูกเหมารวมว่าเป็นผู้เสพติด หรือมีพฤติกรรมผิด เพราะท่าทีเหล่านี้ยิ่งผลักให้คนที่ต้องการความช่วยเหลือลังเลที่จะเปิดเผย และขอความช่วยเหลือ
  • เปิดพื้นที่ให้พูดคุยอย่างปลอดภัย การมีเวทีให้คนสามารถพูดคุยเรื่องเพศ ความต้องการ และความเปราะบางโดยไม่ถูกตัดสิน เป็นหัวใจของการเยียวยา ทั้งในรูปแบบของกลุ่มสนทนา Peer Support หรือเวทีออนไลน์ที่มีผู้ดูแลอย่างมืออาชีพ
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับยาเสพติด และเพศสัมพันธ์ ความรู้เป็นเกราะป้องกันที่สำคัญ การให้ข้อมูลแบบตรงไปตรงมาเกี่ยวกับผลของยา วิธีลดความเสี่ยง รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงบริการสุขภาพ เป็นการคืนอำนาจให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจอย่างมีสติ
  • สนับสนุนกลุ่มเพื่อนที่ไม่สนับสนุนการใช้ยา เพื่อนที่เข้าใจ และให้กำลังใจ โดยไม่ชักชวนเข้าสู่พฤติกรรมเสี่ยง คือพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณมีคนรอบตัวที่พร้อมจะฟัง ช่วยพยุง และไม่กดดัน การหลุดออกจากวังวนของ Chemsex ก็เป็นไปได้จริง
  • ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ คลินิก และองค์กรที่เข้าใจวิถีชีวิตของ LGBTQ+ และไม่เลือกปฏิบัติ เป็นประตูสู่การดูแลอย่างยั่งยืน การตรวจ HIV, รับคำปรึกษา, หรือบำบัดอาการเสพติด ควรเป็นบริการที่เปิดกว้าง และไม่ตีตราผู้รับบริการ

การให้คำปรึกษา และบริการบำบัดในประเทศไทย

แม้ Chemsex ยังเป็นเรื่องใหม่ในระบบสาธารณสุขไทย แต่มีหน่วยงานที่เริ่มให้ความสำคัญ และมีบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น:

  • สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และพฤติกรรมเสพติด
  • มูลนิธิที่ทำงานด้าน LGBTQ+ และการลดอันตราย (Harm Reduction) เช่น RSAT, SWING
  • คลินิกสุขภาพทางเพศที่มีบริการให้คำปรึกษาด้านยาเสพติด และการติดเชื้อ

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

Chemsex เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงความซับซ้อนของทั้งพฤติกรรมทางเพศ และการใช้สารเสพติด โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และชุมชน LGBTQ+ แม้หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงกิจกรรมส่วนตัว หรือรูปแบบหนึ่งของการแสดงออกทางเพศ แต่ในความเป็นจริง Chemsex แฝงไว้ด้วยความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างลึกซึ้ง ทั้งด้านกาย จิตใจ และสังคม ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV การใช้ยาเกินขนาด ภาวะซึมเศร้า หรือการเสพติดจนไม่สามารถหยุดได้

การรับมือกับ Chemsex อย่างมีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยความเข้าใจโดยปราศจากการตีตรา พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่มีประสบการณ์สามารถเข้าถึงการดูแลด้านสุขภาพแบบองค์รวม โดยมีทางเลือกทั้งแนวทางลดอันตราย (harm reduction) และการบำบัดฟื้นฟู หากชุมชน LGBTQ+ ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง มีระบบสนับสนุนที่เหมาะสม และได้รับการปฏิบัติอย่างเคารพศักดิ์ศรี ความเสี่ยงที่มาพร้อมกับ Chemsex ก็สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว

เอกสารอ้างอิง

  • UNAIDS. Chemsex and harm reduction. ข้อมูลเกี่ยวกับ Chemsex และแนวทางลดอันตรายในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.unaids.org/en/resources/documents/2022/2022-Chemsex-and-harm-reduction
  • Global Commission on Drug Policy. Chemsex: A need for harm reduction. รายงานวิเคราะห์พฤติกรรม Chemsex และแนวทางเชิงนโยบาย [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.globalcommissionondrugs.org/reports/chemsex-a-need-for-harm-reduction
  • World Health Organization (WHO). Substance use and sexual health. ข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่างการใช้ยาเสพติดกับพฤติกรรมทางเพศเสี่ยง [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/news-room/questions-and-answers/item/substance-use-and-sexual-health
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). HIV and substance use. ความสัมพันธ์ระหว่างยาเสพติดและความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/hiv/basics/hiv-transmission/injection-drug-use.html
  • สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ยาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex และผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.oncb.go.th/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า