LGBTQ+ ในสื่อบันเทิง การนำเสนอภาพแทน และผลกระทบต่อสังคม

//

lgbtthai

beefhunt

สื่อบันเทิงไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการโทรทัศน์ เพลง วรรณกรรม หรือแม้แต่แพลตฟอร์มออนไลน์ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการสะท้อนความเป็นจริง และสร้างทัศนคติของผู้คนต่อประเด็นต่าง ๆ ในสังคม สำหรับกลุ่ม LGBTQ+ การปรากฏตัวในสื่อไม่ใช่เพียงการเล่าเรื่องราว แต่เป็นการต่อสู้เพื่อการมองเห็น (visibility) การยอมรับ และการมีพื้นที่ในสังคม

ในอดีต LGBTQ+ มักถูกนำเสนอในเชิงลบหรือเป็นตัวตลก แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรม และการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ทำให้ภาพแทน (representation) ของ LGBTQ+ มีความหลากหลาย และซับซ้อนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญยังคงอยู่ — สื่อบันเทิงช่วยเสริมสร้างความเข้าใจ และการยอมรับ หรือยังคงตอกย้ำภาพเหมารวม และอคติที่ฝังรากลึก?

LGBTQ+ ในสื่อบันเทิง การนำเสนอภาพแทนและผลกระทบต่อสังคม

Love2test

การนำเสนอภาพแทนของ LGBTQ+ ในประวัติศาสตร์สื่อ

การปรากฏตัวของ LGBTQ+ ในสื่อไม่ได้เดินเป็นเส้นตรง แต่เป็นการแกว่งไกว ตามแรงผลักของกฎหมาย ศีลธรรมกระแสหลัก เทคโนโลยีสื่อ และขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมในแต่ละยุค

ยุคแรกเริ่ม: ตัวละคร LGBTQ+ มักถูกนำเสนอในลักษณะผิดปกติ เป็นตัวร้าย หรือตลกขบขัน

“ChatLove2test"
  • ฉากหลังทางสังคม–กฎหมาย: ในหลายประเทศ (โดยเฉพาะตะวันตกช่วงต้น–กลางศตวรรษที่ 20) มีข้อจำกัดด้านศีลธรรม และกฎหมายว่าด้วยความลามกอนาจาร ทำให้สื่อกระแสหลักไม่สามารถพูดถึงเพศวิถีที่หลากหลายได้ตรง ๆ
  • แบบแผนซ้ำซาก: เมื่อพูดถึงคนเพศหลากหลาย ก็มักถูกวางบทเป็นตัวตลก (comic relief), ตัวร้าย (queer villain), หรือตัวประหลาด เพื่อทำให้ผิดแผกจากบรรทัดฐานเฮเทอโรนอร์มาทิฟ (heteronormative)
  • ผลเชิงสัญลักษณ์: ความแปลกประหลาดถูกใช้เป็นเครื่องมือเล่าเรื่อง เพื่อสร้างความขำกลิ้งหรือสยองขวัญ มากกว่าจะพยายามสำรวจมนุษยธรรมของตัวละครนั้น ๆ ส่งผลให้ผู้ชมซึมซับภาพเหมารวมโดยไม่รู้ตัว
  • บริบทไทย: สื่อไทยในอดีต (ทั้งละคร/วาไรตี้/ตลก) มักใช้ตัวละครหลากหลายทางเพศเป็นสีสัน หรือ ตัวฮา มากกว่าจะให้มิติเชิงชีวิตจริง ส่งผลให้เด็ก และเยาวชน LGBTQ+ ไม่ค่อยเห็นภาพแทนที่น่าเชื่อถือของตนในสื่อ

ช่วงกลางศตวรรษที่ 20: มีการใช้สัญลักษณ์หรือการบอกใบ้ (coding) โดยไม่สามารถพูดตรง ๆ เกี่ยวกับเพศวิถีได้ เพราะถูกจำกัดด้วยกฎหมายหรือจริยธรรมของสังคม

  • Queer coding: ผู้สร้างสรรค์เนื้อหาจึงซ่อนนัย ของตัวละครไว้ผ่านท่าทาง การแต่งกาย ดนตรี บทสนทนาสองแง่สองง่าม หรือโทนภาพ เพื่อให้ผู้ชมบางกลุ่มอ่านออก โดยไม่ชนกับกฎระเบียบโดยตรง
  • ผลทางความหมาย: แม้ coding เปิดพื้นที่ให้ตัวละครหลากหลายทางเพศ แอบปรากฏ แต่ก็เสี่ยงต่อการตอกย้ำโครงเรื่องแบบ คนเพศหลากหลาย = อันตราย/ลับลมคมใน จนเกิดโทษทัณฑ์เชิงศีลธรรม เช่น บทลงเอยที่โศกนาฏกรรม (bury your gays trope)
  • การเปลี่ยนผ่านสู่ความจริงจัง: ปลายศตวรรษที่ 20 หลังการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ และการตระหนักเรื่อง HIV/AIDS ทำให้เริ่มเกิดงานที่มองคนก่อนมองความต่างทางเพศ มากขึ้น—แต่ยังต้องประคับประคองกับกรอบศีลธรรมสาธารณะ
  • ในสื่อเอเชีย/ไทย: แม้กฎหมาย และบรรทัดฐานจะต่างจากตะวันตก แต่สัญญะ ก็ถูกใช้อย่างแพร่หลาย เช่น การแต่งกาย เสียง พฤติกรรมบางอย่างที่สื่อถึงอัตลักษณ์ โดยไม่กล่าวตรง ๆ

ยุคปัจจุบัน: การเปลี่ยนแปลงทางสังคมทำให้เกิดตัวละคร LGBTQ+ ที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ไม่ถูกจำกัดแค่ภาพลบ แต่ยังสะท้อนความรัก ความเจ็บปวด ความฝัน และความสำเร็จ

  • ภาพแทนแบบคนธรรมดา: ตัวละคร LGBTQ+ ไม่ได้มีหน้าที่เดียวคือ พูดถึงเพศวิถี แต่ใช้ชีวิต ทำงาน รัก ล้มเหลว เติบโต—มีเส้นเรื่องที่เท่าเทียมกับตัวละครอื่น
  • ความหลากหลายภายในความหลากหลาย: มีตัวละครที่ตัดผ่านเชื้อชาติ ชนชั้น วัย ความพิการ ศาสนา อพยพ ความเป็นท้องถิ่น—ช่วยเปิดมุมมองอินเตอร์เซกชันนัลลิตี (intersectionality) ให้ผู้ชม
  • พลังของสตรีมมิง และสื่อใหม่: แพลตฟอร์มออนไลน์ลดแรงกดดันจากระบบผังรายการ และโฆษณา ทำให้ผู้สร้างที่เป็น LGBTQ+ หรือพันธมิตรมีอิสระทางศิลปะ และตลาดเฉพาะมากขึ้น
  • บริบทไทยร่วมสมัย: ซีรีส์วาย และเนื้อหาออนไลน์ช่วยเพิ่มการมองเห็นอย่างกว้างขวาง สร้างเศรษฐกิจคอนเทนต์ และแฟนดอมข้ามพรมแดน อย่างไรก็ดี บทวิจารณ์ร่วมสมัยชี้ว่าเรายังต้องก้าวต่อจากโรแมนติก/แฟนเซอร์วิส ไปสู่เรื่องเล่าที่แตะปัญหาสิทธิ ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง และคุณภาพชีวิตของผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วย

ภาพแทนในสื่อ คือ จุดเริ่มต้นของความเท่าเทียม

เมื่อสื่อเลือกเลนส์ ในการเล่าเรื่อง สังคมก็มักสวมเลนส์นั้น มองโลกต่อ—นี่คือเหตุผลว่าทำไมภาพแทนจึงทรงอิทธิพลทั้งระดับปัจเจก และโครงสร้าง

“PrEPLove2test"

สร้างการมองเห็น (Visibility): ทำให้ผู้ชมรู้ว่าความหลากหลายทางเพศมีอยู่จริงในสังคม

  • จากตัวตลก สู่พลเมือง: การมองเห็นที่สมจริงทำให้ผู้ชมรับรู้ว่าคน LGBTQ+ อยู่ในทุกสาขาอาชีพ ทุกพื้นที่ชีวิต ไม่ใช่เพียงภาพคาร์ริเคเจอร์
  • ลดช่องว่างข้อมูล: ยิ่งเห็นหลากหลายรูปแบบมากเท่าไร—เควียร์รักต่างวัย ครอบครัวเควียร์ คนข้ามเพศในแรงงาน—ยิ่งลดมายาคติที่เคยครอบงำสังคม
  • ฐานข้อมูลสาธารณะ: รายงานการติดตามภาพแทนประจำปีจากองค์กรภาคประชาสังคม/อุตสาหกรรมสื่อ ช่วยให้ผู้ผลิต และผู้กำกับนโยบายเห็นรูรั่ว และปรับปรุงได้เป็นรูปธรรม

เป็นแรงบันดาลใจ (Inspiration): เด็ก และเยาวชนที่เป็น LGBTQ+ ได้เห็นตัวละครที่สะท้อนตัวตนของพวกเขา

  • โมเดลบทบาท (role model): ตัวละครที่ไม่ถูกลงโทษเพราะเป็นตัวเอง ช่วยให้เยาวชนเชื่อว่าพวกเขามีอนาคตที่เลือกได้
  • สุขภาวะจิตสังคม: การเห็นคนเหมือนเราในสื่อเชื่อมโยงกับความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง (self-worth) และลดความโดดเดี่ยว
  • ทักษะรับมือ: เรื่องเล่าที่เสนอทางออก—การคุยกับครอบครัว การหาพันธมิตรในโรงเรียน/ที่ทำงาน—ช่วยแปลงแรงบันดาลใจ เป็นเครื่องมือ ได้จริง

ลดอคติ (Reduce Prejudice): ผู้ชมทั่วไปสามารถเรียนรู้ เข้าใจ และยอมรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น

  • ทฤษฎีการติดต่อ (contact hypothesis) ผ่านสื่อ: แม้ผู้ชมจะไม่รู้จักเพื่อน LGBTQ+ ในชีวิตจริง แต่การพบ ตัวละครซ้ำ ๆ อย่างมีคุณภาพในสื่อ สามารถลดอคติได้
  • รื้อภาพเหมารวม: เมื่อเราเห็นตัวละคร LGBTQ+ เป็นครู แพทย์ นักกีฬา ผู้บริหาร—ภาพจำแบบตลก/ผิดปกติ/อันตราย จะค่อย ๆ หลุดลอก
  • แรงกระเพื่อมเชิงนโยบาย: การยอมรับที่เติบโตในวัฒนธรรมป๊อปมักไปพร้อมกับแรงสนับสนุนต่อกฎหมาย/นโยบายที่เท่าเทียม (เช่น สมรสเท่าเทียม การคุ้มครองผู้มีความหลากหลายทางเพศในที่ทำงาน)

สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง (Belonging): การเห็นตัวเองในสื่อช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว

  • จากผู้ชม สู่ผู้มีส่วนร่วม: เมื่อรู้สึกว่าตนเองถูกนับรวมในวัฒนธรรมกระแสหลัก ผู้ชม LGBTQ+ มีแนวโน้มจะเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะมากขึ้น (ชุมชน แคมเปญ ความช่วยเหลือกัน)
  • พลังการบอกเล่าโดยเจ้าของประสบการณ์: การมีผู้สร้าง/นักเขียน/นักแสดงที่เป็น LGBTQ+ อย่างแท้จริงทำให้เรื่องเล่ามีน้ำหนัก สมจริง และหลากหลายมุม—Belonging จึงเกิดทั้งหน้าจอ และหลังจอ
  • ผลต่อคุณภาพชีวิต: ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งเกี่ยวพันกับสุขภาวะจิตใจ การเรียน/ทำงาน และความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเยาวชน และคนข้ามเพศที่เผชิญการกีดกันเชิงโครงสร้างสูง

ตัวอย่างเชิงบวกในการนำเสนอ LGBTQ+ ในสื่อบันเทิง

หลายผลงานสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก โดยมีตัวละคร LGBTQ+ ที่ซับซ้อน และสมจริง เช่น

  • ภาพยนตร์: Moonlight (2016) ถ่ายทอดชีวิตชายผิวสีที่ค้นหาตัวตนทางเพศอย่างลึกซึ้ง
  • ซีรีส์: Pose (2018–2021) สะท้อนชีวิตชุมชนทรานส์ และเควียร์ในนิวยอร์กยุค 1980–90
  • อนิเมะ และการ์ตูน: หลายเรื่องเริ่มใส่ตัวละครที่มีเพศวิถีหลากหลายอย่างเปิดเผย
  • เพลง และวัฒนธรรมป๊อป: ศิลปิน LGBTQ+ เช่น Sam Smith, Troye Sivan และ Madonna สนับสนุนการแสดงออกอย่างอิสระ
ภาพเหมารวม และผลกระทบด้านลบ

ภาพเหมารวม และผลกระทบด้านลบ

ถึงแม้ภาพแทนของ LGBTQ+ จะก้าวหน้า แต่ ภาพเหมารวม (stereotypes) ยังพบได้บ่อย และสร้างผลเสียเชิงโครงสร้างต่อการรับรู้ของสังคม

  • การถูกทำให้เป็นตัวตลก
    • รูปแบบที่พบบ่อย: คำพูดสองแง่สองง่าม ท่าทางโอเวอร์ แอ็กติ้งเกินจริง ถูกใช้เพื่อเรียกเสียงหัวเราะ มากกว่าเล่าชีวิตจริงของตัวละคร
    • ผลลัพธ์: ผู้ชมซึมซับว่าเอกลักษณ์ของคน LGBTQ+ คือ ความขำขัน มากกว่าความเป็นมนุษย์ที่มีฝัน ความสามารถ และปัญหาเหมือนใคร ๆ
    • กลไกที่ทำงานอยู่: เสียงหัวเราะสามารถทำให้คำเหยียด ดูเบาลง กลายเป็นเรื่องปกติ และเปิดพื้นที่ให้การล้อเลียนใหม่ ๆ เกิดซ้ำ
  • การถูกเชื่อมโยงกับความผิดปกติ หรือโรคภัย
    • รูปแบบ: ตัวละคร LGBTQ+ ถูกผูกกับโทนเรื่องป่วย/เสื่อม/ติดยา/อาชญากรรม หรือเนื้อหาที่เน้น ความผิดพลาดของตัวละครเป็นหลัก
    • ผลลัพธ์: สังคมตีความว่าอัตลักษณ์ทางเพศ คือ ปัญหา ต้องเยียวยา แทนที่จะเห็นว่าเป็นความหลากหลายของมนุษย์
    • ผลแทรกซ้อน: คนดูกลุ่มกว้างอาจโยง LGBTQ+ กับความเสี่ยงอัตโนมัติ เช่น มองคนข้ามเพศว่าอันตราย หรือมองความสัมพันธ์เพศเดียวกันว่าไร้เสถียรภาพ
  • การถูกกำหนดบทบาทว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่สำคัญ
    • รูปแบบ: ตัวละคร LGBTQ+ ทำหน้าที่สนับสนุนพระ–นาง ให้คำปรึกษา ตลกคั่นฉาก แต่ ไม่มีเส้นเรื่องของตัวเอง หรือการพัฒนาเชิงตัวละคร
    • ผลลัพธ์: ถูกกีดกันจากการเป็นศูนย์กลางเรื่องเล่า ผู้ชมจึงไม่เห็นความลึกซึ้งด้านอารมณ์ และบริบทชีวิต ส่งผลให้คุณค่าของตัวละครถูกลดทอน
  • การหายไปเมื่อเนื้อเรื่องเดินต่อ (bury your gays trope)
    • รูปแบบ: ตัวละคร LGBTQ+ มักจบด้วยความตาย/โศกนาฏกรรม/การหายตัว เพื่อขับดันพล็อตหลักของตัวละครอื่น
    • ผลลัพธ์: ตอกย้ำว่าความรัก/ชีวิตของ LGBTQ+ ไม่มีพื้นที่ในตอนจบที่เป็นสุข (happy ending) และส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ว่า ตัวตนนี้อยู่รอดยาก
    • ผลต่อผู้ชมรุ่นเยาว์: ทำให้รู้สึกหมดหวัง ขาดแรงบันดาลใจ และลดการมองเห็นเส้นทางชีวิตที่ยั่งยืน
  • ทำไมภาพเหมารวมจึงอันตรายกว่าที่คิด
    • มันทำงานแบบน้ำซึมบ่อทราย: การเห็นซ้ำ ๆ ทำให้ความคิดเหมารวมกลายเป็นสามัญสำนึก
    • ส่งผลต่อพฤติกรรมจริง: ตั้งแต่การกลั่นแกล้งในโรงเรียนไปจนถึงการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน
    • บิดเบือนวาทกรรมสาธารณะ: เมื่อต้องถกเถียงนโยบาย ความเข้าใจผิดที่สะสมจากสื่อสามารถทำให้ข้อเท็จจริงทางสังคมถูกกลบ
  • แนวทางแก้เชิงสร้างสรรค์สำหรับคนทำสื่อ
    • ให้ตัวละคร LGBTQ+ มีเป้าหมายส่วนตัว เส้นพัฒนา และความขัดแย้งที่ซับซ้อน
    • ตั้งห้องเขียน ที่มีคน LGBTQ+ ทำงานร่วมจริง เพื่อลดอคติแฝง
    • ใช้ ตัวอ่านบท (sensitivity reader) เพื่อตรวจคำ ใจความ และมุกที่อาจตีตรา
    • ประเมินตอนจบ: หลีกเลี่ยงการใช้โศกนาฏกรรมกับตัวละคร LGBTQ+ เป็นเครื่องมือราคาถูกในการปั่นอารมณ์

ผลกระทบของการนำเสนอ LGBTQ+ ต่อสังคม

ผลกระทบเชิงบวก

  • สร้างความตระหนัก และการยอมรับในสังคม
    • การได้เห็นชีวิตที่หลากหลายบนหน้าจอช่วยพาผู้ชมออกจากฟองสะท้อน ของตัวเอง ทำให้เข้าใจความแตกต่างมากขึ้น
    • ตัวละครที่สมจริง และน่าเอาใจช่วยลดกำแพงทางใจ เปิดพื้นที่ให้สนทนาในครอบครัว โรงเรียน และที่ทำงาน
  • ส่งเสริมความเท่าเทียมทางสิทธิ เมื่อคนดูจำนวนมากอินกับประสบการณ์ของตัวละคร การสนับสนุนมาตรการคุ้มครองสิทธิก็เพิ่มขึ้น (เช่น นโยบายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ การสมรสเท่าเทียม)
  • เปิดพื้นที่ให้กับการถกเถียง และการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย สื่อคุณภาพทำหน้าที่เป็นเวทีให้เสียงของผู้มีประสบการณ์ตรงสะท้อนสู่สาธารณะ สร้างแรงกดดันเชิงบวกต่อผู้กำหนดนโยบาย

ผลกระทบเชิงลบ

  • หากนำเสนอแบบเหมารวม อาจทำให้ผู้ชมเข้าใจผิด และตอกย้ำอคติ
    • การขำขันที่เหยียดหยาม/การพล็อตให้โศกนาฏกรรมกับตัวละคร LGBTQ+ ซ้ำ ๆ ทำให้ทัศนคติสาธารณะเอนเอียงเป็นลบโดยไม่รู้ตัว
  • บางกรณีอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาด (rainbow washing)
    • ใช้สัญลักษณ์สายรุ้งเฉพาะช่วงเทศกาล/โฆษณาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงจริงในองค์กร
    • ผลคือ ความไม่ไว้วางใจ จากชุมชน และทำให้การนำเสนอเพื่อความเท่าเทียม กลายเป็นเพียงภาพลักษณ์
  • เช็กลิสต์สำหรับผู้บริโภคสื่อ
    • ถามตัวเองว่าเรื่องนี้ ให้เสียงกับตัวละคร LGBTQ+ จริงไหม หรือเพียงใช้เป็นอุปกรณ์พล็อต
    • ดูเบื้องหลังงาน: ทีมสร้างมีคน LGBTQ+ ร่วมหรือไม่ มีนโยบายครอบคลุมในองค์กรหรือเปล่า
    • สนับสนุนคอนเทนต์ที่ เคารพศักดิ์ศรี และหลากหลายมุม ไม่ใช่เพียงขายภาพ

สื่อบันเทิงกับการขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชน

  • การทำให้เรื่องราว LGBTQ+ เข้าถึงผู้ชมกระแสหลัก
    • สะพานเชื่อมความเข้าใจ: เมื่อเรื่องเล่าเข้าถึงวงกว้าง ผู้ชมที่ไม่คุ้นเคยก็มีโอกาส รู้จักชีวิต LGBTQ+ ผ่านความบันเทิง
    • ผลเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์: ความสำเร็จทางพาณิชย์ของงานที่ครอบคลุมความหลากหลาย ช่วยพิสูจน์ว่าความเท่าเทียมไม่ขัดกับธุรกิจ
  • การสร้างความเข้าใจระหว่างคนต่างกลุ่มในสังคม
    • ปฏิสัมพันธ์ทางอ้อม (para-social contact): ผู้ชมรู้สึกผูกพันกับตัวละคร ทำให้เปิดใจต่อคนจริงในชีวิตประจำวัน
    • การลดอคติในระยะยาว: การบริโภคสื่อเชิงบวกสม่ำเสมอเชื่อมโยงกับทัศนคติที่ยอมรับความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในเยาวชน
  • การกดดันเชิงสังคม และการเมืองให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (เช่น การสมรสเท่าเทียม)
    • จากวัฒนธรรมสู่กฎหมาย: เมื่อเรื่องเล่าเปลี่ยนใจผู้คนมากพอ ก็สร้างหน้าต่างนโยบาย ให้การปฏิรูปทางกฎหมายเป็นไปได้
    • บทบาทของคนดัง/ผู้สร้าง: การออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนสิทธิ ช่วยยกระดับการสนทนา และดึงสื่อสารมวลชนให้ครอบคลุมประเด็นอย่างรับผิดชอบ
  • คำแนะนำเชิงระบบสำหรับอุตสาหกรรมสื่อ
    • ลงทุนใน การเล่าเรื่องโดยคนในชุมชน และการพัฒนาศักยภาพคนทำงานที่เป็น LGBTQ+
    • สร้าง แนวทางบรรณาธิการที่ไม่ตีตรา และอบรมทีมงานเรื่องภาษา/ภาพที่ปลอดอคติ
    • ตั้ง ตัวชี้วัดภาพแทน (จำนวน/คุณภาพ/บทนำ) และรายงานความคืบหน้าสู่สาธารณะ
    • ร่วมมือกับนักวิชาการ/องค์กรสิทธิ/กลุ่มชุมชน เพื่อออกแบบเนื้อหาที่มีความถูกต้อง และรับผิดชอบ

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

การนำเสนอ LGBTQ+ ในสื่อบันเทิงมีอิทธิพลต่อทัศนคติ และการยอมรับในสังคมอย่างลึกซึ้ง แม้จะมีการพัฒนาเชิงบวก แต่ยังคงต้องระวังไม่ให้ภาพแทนกลายเป็นเพียงภาพเหมารวม สื่อจึงควรเป็นทั้งกระจกสะท้อน และเวทีขับเคลื่อนความเสมอภาคทางเพศ เพื่อให้ LGBTQ+ ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงในทุกมิติของสังคม

เอกสารอ้างอิง

  • GLAAD. Where We Are on TV 2023–2024. Annual report on LGBTQ+ representation across broadcast, cable, and streaming platforms in the U.S. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://glaad.org/whereweareontv23
  • Nielsen. Examining LGBTQ+ Representation in Media and Advertising (2023). Insights on how inclusive media influences audiences and brand perceptions. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.nielsen.com/insights/2023/examining-lgbtq-representation-in-media-and-advertising/
    UNESCO. Media and Gender Equality. A program hub providing frameworks and resources to promote inclusive representation in media industries. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.unesco.org/en/gender-equality/media-gender-equality
  • UNDP Thailand. Tolerance but not Inclusion: A National Survey on Experiences of LGBT People in Thailand (2019). National survey results highlighting lived experiences of LGBT Thais in relation to media and social attitudes. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://files.acquia.undp.org/public/migration/th/UNDP-TH-2019-LGBT-Tolerance-but-not-Inclusion.pdf
  • TCI-ThaiJo. สื่อกับการสร้างภาพลักษณ์ทางเพศ: ความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบต่อสังคม (2025). บทความวิชาการภาษาไทยวิเคราะห์บทบาทสื่อในการผลิตซ้ำและท้าทายอคติทางเพศในสังคมไทย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jmpr/article/download/283557/190839/1266132

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า