การตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี  ความจริงที่วัยรุ่นและ LGBTQ+ ต้องเผชิญ

//

lgbtthai

beefhunt

แม้ว่าโลกจะมีความก้าวหน้าทางการแพทย์ และการรับรู้เกี่ยวกับ เอชไอวี (HIV) มากขึ้น แต่ การตีตรา (Stigma) และ การเลือกปฏิบัติ (Discrimination) ต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวียังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งมักจะต้องเผชิญกับแรงกดดันทางสังคมที่หนักขึ้น

การตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี  ความจริงที่วัยรุ่นและ LGBTQ+ ต้องเผชิญ

การตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี  ทำไมจึงเป็นปัญหา?

  • ความไม่เข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวี บางคนยังเชื่อผิด ๆ ว่าเชื้อเอชไอวีแพร่ได้ง่าย หรือเป็นโทษทัณฑ์จากพฤติกรรมทางเพศ
  • ค่านิยม และอคติในสังคม กลุ่ม LGBTQ+ มักถูกสังคมตีตราอยู่แล้ว และหากติดเชื้อเอชไอวีก็อาจถูกกดดันมากขึ้น
  • ความกลัวการถูกปฏิเสธ วัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวีอาจกลัวถูกเพื่อนรังเกียจ หรือไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้

การตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี คืออะไร?

การตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี  หมายถึง การที่บุคคลได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากติดเชื้อเอชไอวี หรือเนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง ตัวอย่างของการตีตรา ได้แก่

  • ถูกมองว่ามีพฤติกรรมเสี่ยง หรือผิดศีลธรรม
  • ถูกกีดกันจากสังคม เช่น ไม่ให้เข้ารับบริการทางการแพทย์
  • ถูกเลือกปฏิบัติในที่ทำงานหรือสถานศึกษา
  • มีความเครียดหรือซึมเศร้าจากการถูกปฏิเสธ

ผลกระทบของการตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี

  • ปิดบังสถานะของตนเอง กลัวว่าคนรอบข้างจะรังเกียจ
  • ไม่กล้าเข้ารับการรักษา เพราะกลัวว่าถูกเปิดเผยข้อมูล
  • ภาวะซึมเศร้า และความโดดเดี่ยว ทำให้ผู้ติดเชื้อรู้สึกไม่มีที่ยืนในสังคม

วัยรุ่นกับการตีตราจากสังคม

ความกังวลในการเปิดเผยตัวตน

วัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวี อาจกลัวถูกเพื่อนรังเกียจ และไม่กล้าบอกใคร ส่งผลให้พวกเขา ไม่ได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์ และการแพทย์ที่เหมาะสม

ตัวอย่างปัญหา

  • ถูกเพื่อนล้อว่า “เป็นโรคร้าย”
  • กลัวว่าพ่อแม่จะไม่ยอมรับ
  • ไม่มีที่พึ่งในการขอคำปรึกษา

ผลกระทบต่อสุขภาพจิต

การที่วัยรุ่นต้องเก็บความลับเกี่ยวกับสถานะของตนเอง อาจนำไปสู่ ความเครียด ซึมเศร้า และความวิตกกังวล ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต และการเรียน

วิธีช่วยวัยรุ่นรับมือกับการตีตรา

  • ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอชไอวี ในโรงเรียน
  • สนับสนุนให้วัยรุ่นสามารถเข้าถึงคำปรึกษาทางสุขภาพจิต
  • สร้างสังคมที่เปิดกว้าง และไม่ตัดสิน
LGBTQ+ กับการถูกตีตราซ้ำซ้อน

LGBTQ+ กับการถูกตีตราซ้ำซ้อน

สำหรับกลุ่ม LGBTQ+ การตีตราเกี่ยวกับเอชไอวี อาจรุนแรงขึ้น เพราะพวกเขามักเผชิญกับการกดดันจากสังคมอยู่แล้ว

ถูกมองว่าการติดเชื้อเอชไอวี เป็นโรคของกลุ่ม LGBTQ+

แม้ว่าเชื้อเอชไอวี จะสามารถติดต่อได้กับทุกเพศทุกวัย แต่บางคนยังเชื่อว่าการติดเชื้อเอชไอวี  เป็นโรคของกลุ่มชายรักชาย (MSM) หรือกลุ่มข้ามเพศ ซึ่งทำให้เกิด การเลือกปฏิบัติและการตีตราในระบบสาธารณสุข

ข้อเท็จจริง

  • เชื้อเอชไอวี ไม่ใช่โรคของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกคนสามารถติดเชื้อได้
  • มีมาตรการป้องกันที่ดี เช่น PrEP, PEP และ U=U
  • การให้ข้อมูลที่ถูกต้องช่วยลดอคติในสังคม

ผลกระทบต่อสุขภาพจิต และการเข้าถึงบริการทางการแพทย์

LGBTQ+ ที่ติดเชื้อเอชไอวี อาจรู้สึกว่าพวกเขา ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมในสถานพยาบาล หรืออาจกลัวว่าหากเข้ารับการรักษา ข้อมูลจะถูกเปิดเผย

แนวทางแก้ไข

  • มีคลินิกที่เป็นมิตรต่อกลุ่ม LGBTQ+
  • ปรับปรุงกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ติดเชื้อ
  • สนับสนุนกลุ่มช่วยเหลือ และการให้คำปรึกษา

เราจะช่วยลดการตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี  ได้อย่างไร?

  • ให้ความรู้เกี่ยวกับเอชไอวีแก่สังคม
    • เชื้อเอชไอวีไม่ได้แพร่ผ่านการสัมผัสทางกาย
    • ผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนไวรัสต่ำจนตรวจไม่พบ จะไม่สามารถแพร่เชื้อได้ (U=U)
    • ปัจจุบันเชื้อเอชไอวี สามารถรักษาให้ควบคุมได้เหมือนโรคเรื้อรังทั่วไป
  • ส่งเสริมให้มีนโยบายป้องกันการเลือกปฏิบัติ
    • สนับสนุนให้บริษัท โรงเรียน และโรงพยาบาล ไม่ปฏิเสธผู้ติดเชื้อเอชไวี
    • ผลักดันกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิของผู้ติดเชื้อ
  • สนับสนุนการเข้าถึง PrEP และ PEP
    • PrEP ยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
    • PEP ยาฉุกเฉินที่สามารถป้องกันการติดเชื้อหลังจากสัมผัสเชื้อ
  • สร้างสังคมที่ไม่เลือกปฏิบัติ
    • หยุดใช้คำพูดที่สร้างความอับอาย เช่น “โรคร้าย” หรือ “คนมีเชื้อ”
    • ให้กำลังใจ และสนับสนุนเพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่ติดเชื้อ

การตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี ยังคงเป็นอุปสรรคที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น และ LGBTQ+ ซึ่งอาจเผชิญกับการเลือกปฏิบัติซ้ำซ้อน ทั้งจากครอบครัว สังคม และระบบสาธารณสุข ฉะนั้นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอชไอวี เป็นกุญแจสำคัญในการลดการตีตรา ด้วยการรักษาด้วย ART สามารถช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตปกติและไม่แพร่เชื้อได้ (U=U) ซึ่งการสร้างสังคมที่เข้าใจและให้การสนับสนุน จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เอชไอวี ไม่ใช่ตราบาป และผู้ติดเชื้อไม่ควรถูกเลือกปฏิบัติ สิ่งที่เราทำได้คือ สร้างความเข้าใจ ลดอคติ และสนับสนุนให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). HIV Stigma. Comprehensive information on the impact of stigma on people living with HIV and strategies to reduce discrimination. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.cdc.gov/hiv/stigma/
  • World Health Organization (WHO). Consolidated guidelines on HIV prevention, diagnosis, treatment and care for key populations. This guideline addresses stigma reduction and outlines best practices to support vulnerable groups including youth and LGBTQ+. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.who.int/publications/i/item/9789240031593
  • UNAIDS. HIV Stigma and Discrimination: Global Trends and Responses. An overview of global challenges in combating HIV-related stigma and the strategies implemented worldwide to address discrimination. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.unaids.org/en/resources/documents
  • กระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศไทย. เว็บไซต์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลเกี่ยวกับการลดการตีตราและการส่งเสริมสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงแนวทางป้องกันการเลือกปฏิบัติในระบบสาธารณสุข. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://www.ddc.moph.go.th/
  • มูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทย (Thai Red Cross AIDS Research Centre). รายงานและบทความเกี่ยวกับการตีตราและการลดการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี. ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบของการตีตราต่อวัยรุ่นและกลุ่ม LGBTQ+ พร้อมแนวทางแก้ไขในสังคมไทย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.trcarc.org/