3 คุกใหญ่จัดโซนแยกขังนักโทษเพศที่สาม

//

lgbt Thai Team

beefhunt

อธ.ราชทัณฑ์ เผยคุกพัทยา มีนบุรี คลองเปรม จัดแยกโซนนักโทษกลุ่มเพศทางเลือก ตุ๊ด กระเทย ทอม ดี้ ไม่ให้ปะปนกับนักโทษทั่วไป

21 มี.ค. นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำแดนพิเศษ เพื่อขังกลุ่มนักโทษที่มีความหลากหลายทางเพศว่า ก่อนหน้านี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอกรมราชทัณฑ์ให้มีพื้นที่ควบคุมผู้ต้องขังหลายหลายเพศ โดยมีการแยกออกจากแดนทั่วไป แต่สถานการณ์ปัญหาในปัจจุบันเรือนจำทั่วประเทศไม่ได้มีผู้ต้องหาที่มีหลากหลายเพศจำนวนมากถึงขนาดที่ต้องตั้งเรือนจำเฉพาะ เนื่องจากในทางปฏิบัติเรือนจำเพศทางเลือกจะต้องพิจารณาจากความเป็นจริงและสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น   เกย์ไทย

รวมทั้งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไม่ให้ผู้ต้องขังกลุ่มนี้ถูกคุกคามทางเพศ ซึ่งการนำผู้ต้องหาเพศทางเลือกจากเรือนจำอื่นมาอยู่ส่วนกลาง หรือนำผู้ต้องขังเพศทางเลือกจากส่วนกลางไปอยู่เรือนจำเฉพาะอาจส่งผลต่อจิตใจของผู้ต้องขังได้ และจะเกิดความยากลำบากในการเข้าเยี่ยมของครอบครัวด้วย ดังนั้น ทางเลือกที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงให้กำหนดโซนเฉพาะสำหรับผู้ต้องขังที่มีความหลากกลายทางเพศ หากเรือนจำใดมีผู้ต้องขังเพศทางเลือกจำนวนมากให้แยกโซนพิเศษเช่นเดียวกับ เรือนจำมีนบุรี เรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำจังหวัดพัทยา

Love2test

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังลงทะเบียนว่าเป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศประมาณ 4,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 1 จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 3 แสนคน โดยแบ่งเป็น

  • กระเทย 1,800 คน
  • เกย์ 352 คน
  • ทอม 1,200 คน
  • ดี้ 1,000 คน
  • กลุ่มชายแปลงเพศประมาณ 34 คน

ที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์แบ่งกลุ่มเพศทางเลือกเป็น 4 กลุ่ม คือ

  • ผู้ต้องขังชายที่แปลงเพศแล้ว ซึ่งจะมีการตรวจร่ายกายและส่งตัวไปควบคุมที่แดนหญิง
  • ส่วนชายที่มีพฤติกรรมเป็นหญิงหลังจากพิจารณาพฤติกรรมแล้วจะส่งไปที่แดนชายเพื่อรอการพิจารณา เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ถูกส่งไปคุมที่แดนอื่นต่อไป
  • ส่วนผู้ต้องขังหญิงรักหญิงจะแยกควบคุมตัวที่เรือนนอนตามมติคณะกรรมการ
  • ส่วนผู้ต้องขังสองเพศยังไม่มีในเรือนจำ แต่หากพบแนวทางปฏิบัติต้องยึดตามสำเนาทะเบียนราษฎร์ที่กำหนดเพศไว้เท่านั้น

ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ต้องรอคำวินิจฉัยจากแพทย์หรือคำสั่งศาลให้ผู้ต้องขังเลือกเพศเพื่อเป็นแนวปฏิบัติต่อไป

ขอบคุณ ข่าวจาก http://www.komchadluek.net/news/regional/266625