เรียกได้ว่าเป็นประเพณีของแต่ละมหาวิทยาลัยในประเทศไทยไปแล้ว กับการต้อนรับนักศึกษาปี 1 ที่ผ่านสมรภูมิ TCAS มาอย่างหนักหน่วง เพื่อที่จะมีที่เรียนเป็นของตัวเอง
ซึ่งในแต่ละมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็กำลังเริ่มประเพณีการรับน้องกันบ้านแล้ว แต่สิ่งที่ตามมาก็คือกิจกรรมรับน้องที่ไม่สร้างสรรค์ที่เห็นได้จากพาดหัวข่าวของแต่ละสำนักที่แสดงให้เห็นถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสม
แน่นอนว่าในช่วงปี 1 ของผู้เขียนก็มีการจัดกิจกรรมรับน้องด้วยเช่นกัน โดยมีลักษณะของการจัดสันทนาการให้กับน้องๆ ที่เต็มไปด้วยการร้องรำทำเพลงและเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน เพื่อเป็นการ “ละลายพฤติกรรม” นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การคัดเลือกดาวเดือนประจำคณะ เป็นต้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ราบรื่นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งมีรุ่นพี่ปีสูงเข้ามาร่วมด้วย จุดเปลี่ยนจึงได้เริ่มต้นขึ้น เกย์หาเพื่อน
การมาของรุ่นพี่กลุ่มนี้สร้างความหนักใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากในชีวิตก็ไม่เคยเจอรุ่นพี่คนไหนที่เข้ามาว้ากใส่รุ่นน้องแบบนี้มาก่อน ที่น่าแปลกใจคือในการว้ากทั้งหมดกลับไม่มีคำหยาบหลุดออกมาจากปากรุ่นพี่สักคน ล้วนแต่เป็นคำสั่งสอน (หรือเปล่า?)
แต่พอนานวันเข้า ความรุนแรงทางคำพูดก็เริ่มทวีหนักขึ้น มีการสาดคำพูดเชิงประชดออกมามากมาย โดยเฉพาะการบังคับให้เรียกกลุ่มคนเพศที่สามว่า “กะเทยชั้นต่ำ” ซึ่งเป็นการเหยียดเพศอย่างรุนแรง และหนักที่สุดก็คือการยึดป้ายชื่อทุกคนด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม มีการยื้อยุดฉุดกระชากกันเนื่องจากน้องปีหนึ่งก็ไม่ยอมให้รุ่นพี่ปีสูงนำป้ายของตนไป
วันสุดท้ายของการรับน้องเป็นวันที่คลี่คลายทุกอย่าง เริ่มจากการที่พี่ปีสามนัดให้มาเจอกันที่เดิม และได้มีการทวงถามถึงภารกิจที่ได้มอบหมายไปทั้งหมด ซึ่งก็ยังอัดแน่นไปด้วยความรุนแรงทางคำพูดเช่นเดิม และเมื่อภารกิจที่ปีสามมอบหมายสิ้นสุดลง ก็ถึงคราวปีสี่ลงสนามคารมในครั้งนี้บ้าง ซึ่งก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก ก่อนที่จะทำการรับธงประจำรุ่น และผูกข้อไม้ข้อมือเป็นอันเสร็จกิจกรรม
จะเห็นได้ว่าการรับน้องเป็นกิจกรรมที่สร้างความสามัคคีให้กับรุ่นน้องและรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี จากการวิจัยส่วนใหญ่ของแต่ละมหาวิทยาลัยก็มีความเห็นพ้องต้องกันว่ากิจกรรมรับน้องนั้นสามารถสร้างความสามัคคีกันได้จริง และทำให้เกิดการเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งลักษณะกิจกรรมส่วนใหญ่จะเป็นการสันทนาการเสียส่วนมาก
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีกิจกรรมบางส่วนที่ไม่สร้างสรรค์ เช่น การให้ทำภารกิจที่สร้างความอับอายต่อสาธารณชน การยึดป้ายชื่อด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสมและการบังคับให้เรียกกลุ่มเพศที่สามว่าเป็นคนชั้นต่ำ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทบต่อจิตใจเป็นอย่างมาก และอาจจะส่งผลให้เกิดการแบนกิจกรรมจากรุ่นน้องตามมา
ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ได้ต้องการจะบอกว่าการรับน้องเป็นสิ่งที่เราควรที่จะหลีกเลี่ยง หากแต่ต้องการที่จะบอกว่าการรับน้องมีทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดีปะปนกันไป ฉะนั้นแล้วการรับน้องจะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรม ถ้ากิจกรรมมีความสร้างสรรค์ ก็อาจจะบรรลุตามเป้าประสงค์ที่เราต้องการได้ แต่ทั้งนี้กิจกรรมเหล่านั้นต้องไม่ละเมิดสิทธิความเป็นของมนุษย์ด้วย
ขอบคุณ ข่าวจาก https://gmlive.com/freshmen-welcome-activity-sexist-and-violence