ปัจจุบัน สังคมของกลุ่มคนหลากหลายเพศหรือ LGBT ได้รับการยอมรับและเปิดกว้างมากขึ้นในหลายประเทศ แต่สำหรับเมียนมาร์ ชาว LGBT นั้นยังต้องใช้ชีวิตแบบหลบซ่อน
ในสังคมพม่า ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยเป็นกลุ่มคนชายขอบสังคม ที่ไร้สิทธิ์และถูกกดขี่ เพราะความเชื่อแน่นแฟ้นที่ว่า ชายนั้นสูงส่งกว่าหญิง การเกิดเป็นชายแล้วอยากกลายเป็นหญิงนั้น ในพม่าถือกันว่าเป็นลดทอนคุณค่าและสถานะของตัวเองลงต่ำเหมือนผู้หญิง เกย์ไลท์
หาก เปิดตัวว่าเป็นคนข้ามเพศแล้ว ส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถอยู่ในครอบครัวได้อีกต่อไป นอกจากจะเผชิญกับแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมแล้ว ความยากลำบากอีกประการของชาวเพศหลากหลายในเมียนมาร์คือ รักร่วมเพศถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
กฎหมายที่ว่าคือ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 เป็นกฎหมายที่เป็นมรดกตกทอดจากเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ และกฎหมายนี้ยังคงบังคับใช้จนถึงทุกวันนี้
การมีอยู่ของกฎหมายฉบับนี้ กลายเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายรีดไถ ข่มขู่และเลือกปฏิบัติต่อชาวเพศที่สาม ปัญหาที่เกิดขึ้นมีทั้งพวกเธอเป็นทุกข์ ได้รับความรุนแรงจากครอบครัว และครอบครัวก็พบความอับอายขายหน้าและสูญเสียความน่านับถือ ทางเลือกเดียวคือการออกจากครอบครัวและเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันเป็นชุมชนคนข้าม เพศ
เมื่อครอบครัวไม่ยอมรับ สังคมรังเกียจ เส้นทางอาชีพการงานของพวกเธอก็ตีบตัน ไม่มีใครอยากรับคนข้ามเพศเข้าทำงานด้วย งานที่รองรับคนข้ามเพศได้มากกว่างานอื่น ๆ คือ การเป็นช่างตัดผมและเสริมสวย
ความ สัมพันธ์ในกลุ่มของคนข้ามเพศนี้อยู่บนพื้นฐานของมิตรภาพและความรู้สึกแบบ เครือญาติ ที่นอกจากจะอยู่เป็นเพื่อน ดูแลช่วยเหลือกันแล้ว ยังมีการถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กันอีกด้วย ส่งผลให้อุตสาหกรรมทำผมและเสริมสวยในพม่าขับเคลื่อนไปด้วยกลุ่มคนข้ามเพศ เป็นเศรษฐกิจที่เกือบจะผูกขาดโดยคนกลุ่มเดียว
การเป็นเพศทางเลือกยัง ถูกนำไปเชื่อมโยงกับความเชื่อทางศาสนาเรื่องผลของกรรม นั่นคือความเชื่อที่ว่า การเป็นคนเพศทางเลือกนั้นเป็นบาปตั้งแต่ชาติปางก่อน เนื่องจากทำผิดพลาดไว้ ทำให้ต้องมาทนทุกข์ทรมานในชาตินี้โดยมีพระภิกษุบางรูปเป็นผู้เผยแพร่ความ เชื่อ
ขอบคุณ ข่าวจาก https://today.line.me/th/pc/article/รอบโลก+By+กรุณา+บัวคำศรี+รุ้งสีจาง+ชีวิตคนข้ามเพศในเมียนมาร์-BMJPk6