เปิดชีวิตรักคู่แต่งงานใหม่สุดหรรษา ฝ่ายเจ้าสาวเป็นทหารหญิงข้ามเพศ ส่วนเจ้าบ่าวเป็นนักแสดงหนุ่มหล่อ ที่เกิดมาเป็นผู้หญิง
เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์เดอะซัน ได้เผยเรื่องราวชีวิตของคู่รักซึ่งกำลังเป็นที่จับตาในประเทศอังกฤษ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งจะควงแขนกันเข้าประตูวิวาห์ เริ่มต้นบทบาทในฐานะคู่สามีภรรยาไปเมื่อวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม โดยที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นนักแสดงหนุ่มผู้มีชื่อเสียง ส่วนฝ่ายเจ้าสาวก็เป็นทหารหญิงข้ามเพศรับใช้กองทัพ เกย์แต่งงาน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้คนสนใจเรื่องของพวกเขากลับไม่ใช่ชื่อเสียง หรือตำแหน่งหน้าที่การงานของพวกเขา แต่กลับเป็นตัวตนของพวกเขา ที่ฝ่ายเจ้าสาว ผู้กอง ฮันนาห์ วินเทอร์บูร์น วัย 31 ปี แท้จริงแล้วเธอเป็นหญิงข้ามเพศ ที่เกิดมาเป็นผู้ชาย ในขณะที่ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นก็คือ เจค กราฟ นักแสดงข้ามเพศวัย 40 ปี ซึ่งเกิดมาเป็นผู้หญิง
สำหรับเรื่องราวของทั้งคู่นั้นเริ่มต้นขึ้น เมื่อ ผู้กอง ฮันนาห์ ซึ่งเดิมทีได้เข้ารับราชการทหารในฐานะผู้ชาย ตัดสินใจที่จะเลิกปกปิดตัวตนของตัวเอง และตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศเมื่อ 4 ปีก่อน หลังกลับมาจากภารกิจที่อัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตามแม้ภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่ภายในตัวของฮันนาห์ยังเป็นทหารหาญ ที่ขอรับใช้กองทัพต่อไปในฐานะทหารหญิง
เรื่องราวของ ผู้กอง ฮันนาห์ ได้กลายมาเป็นข่าวใหญ่ที่มีสื่อนำเสนอกันหลายแห่ง โดยในเดือนมกราคม 2558 เดอะซัน สื่ออังกฤษ ก็ได้นำเรื่องราวของฮันนาห์มารายงานอยู่หน้าแรกของเว็บไซต์ ซึ่งภาพดังกล่าวนั้นเองก็ได้ทำให้เจค รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจอย่างมาก
ฮันนาห์ วินเทอร์บูร์น
สำหรับเจค เขาเองก็เริ่มอาชีพในวงการบันเทิงตั้งแต่ตอนยังเป็นผู้หญิง ในตอนที่เจคยังเด็กเขามักอธิษฐานขอพรก่อนนอน ขอให้ตัวเองตื่นขึ้นมาอีกครั้งในรูปลักษณ์ของเด็กผู้ชาย แต่มันก็ไม่เคยสมหวัง เขาไม่กล้าทำตามความปรารถนาภายในใจ จนเมื่อได้เจอกับชายข้ามเพศคนหนึ่งตอนที่เขาอายุ 25 ปี เจคจึงได้มีความกล้า และตัดสินใจก้าวออกมาจากชีวิตเดิม ๆ สู่ชีวิตใหม่ในฐานะนักแสดงชายข้ามเพศ
เจค กราฟ
หลังจากที่เจคได้เห็นภาพฮันนาห์ในข่าว เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอนั้นสวยมาก และยังเก็บความหลงใหลไว้ไม่ไหว จนถึงกับเก็บไปบอกเพื่อนร่วมงานว่า “ผมคิดว่าเธอน่ารักมากเลย”
จนเวลาผ่านไปราว 1 สัปดาห์ เจคก็ได้เจอเพื่อนคนนั้นอีกครั้ง ซึ่งเธอบอกกับเขาว่า “ฉันได้ไปคุยกับผู้กอง ฮันนาห์ มาแล้วนะ เธอก็คิดว่าคุณน่ารักมากเหมือนกัน”
จากนั้นเองทั้งคู่จึงได้เริ่มติดต่อกันผ่านเฟซบุ๊ก พวกเขาแลกเปลี่ยนข้อความกันไปมา กระทั่งแลกเบอร์โทรศัพท์ จนในที่สุดก็ถึงเวลาของเดตแรก ที่ฮันนาห์ยอมรับว่าเธอค่อนข้างหวาดกลัว เพราะเธอเองก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าเจคเป็นคนข้ามเพศเช่นกัน ทำให้เธอรู้สึกว่ามันง่ายมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นฮันนาห์ยังประทับใจเจคอย่างมาก เพราะเขาบอกเธอตั้งแต่ตอนคุยโทรศัพท์กันครั้งแรกว่า “คุณอยากมีลูกไหม ผมอยากมีนะ” แน่นอนว่ามันค่อนข้างจะเร็วเกินไปสำหรับฮันนาห์ แต่นั่นก็ทำให้เธอรับรู้ว่าเขาไม่ได้มาเจ๊าะแจ๊ะเธอเล่น ๆ เขาจริงจัง
นอกจากนี้ในเดตแรก เจคก็ยังใส่ใจเธอเป็นอย่างดี เขารู้วิธีปฏิบัติต่อเธอโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงตัวตนมากนัก เขาเข้าใจเรื่องที่เธอมีเสียงต่ำ ทุกอย่างที่เขาทำให้โดยไม่ต้องพูดออกมา ทำให้เธอสบายใจมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้การเปิดเผยตัวเองกับใครสักคน ช่างเป็นเรื่องที่แสนยากสำหรับเธอ
“จริง ๆ ฉันค่อนข้างไม่มั่นใจในการเดตเลย แต่ก็ตัดสินใจได้ว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่จะพาตัวเองออกจากกรอบเดิม ๆ ไปดูคนที่รออยู่ตรงนั้นว่าเขาจะรักฉันได้ไหม และฉันก็เจอแจ็กพอตตั้งแต่ครั้งแรกเลย” ฮันนาห์ กล่าว
ขณะที่เจค บอกว่าคนส่วนใหญ่มักจะดูไม่ออกว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นคนข้ามเพศ “เราโชคดีที่มีลักษณะภายนอกดูเหมือนชายและหญิงทั่วไปที่เดินอยู่ตามถนน แม้บางครั้งคนจะรู้เพราะเสียงของฮันนาห์ แต่โดยรวมแล้ว เราก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องถูกคุกคามหรือล่วงละเมิด ดังเช่นคนข้ามเพศทั่วไป”
เป็นเวลาหลายปี ที่ทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างจริงจัง จนเมื่อเดือนกันยายน 2560 ก็ถึงเวลาที่ความรักสุกงอม และเจคก็ตัดสินใจคุกเข่าขอฮันนาห์แต่งงาน ไม่ต้องสงสัยว่าเธอตอบรับเขาด้วยความยินดี
และแล้วในที่สุด เจคกับฮันนาห์ก็ได้ฤกษ์เข้าพิธีแต่งงานที่งดงามราวฉากในเทพนิยาย ฮันนาห์ได้มีโอกาสสวมชุดเจ้าสาวที่ใฝ่ฝัน “ตั้งแต่ตอนเด็กฉันไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้จริง จนกระทั่งฉันได้เจอเจค สำหรับฉัน ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงอีกคนที่แต่งงานกับชายสักคน และก็คิดว่าจะมีลูกด้วยกัน” ฮันนาห์ กล่าวอย่างมีความสุข
ทั้งนี้หลังจากที่แต่งงานกันแล้ว เจคและฮันนาห์ก็จะย้ายมาอาศัยอยู่ด้วยกันในบริเวณใกล้ ๆ กับค่ายทหารที่ฮันนาห์ทำงานอยู่ และจะได้เริ่มใช้ชีวิตด้วยกันอย่างที่ต้องการ ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ทั้งคู่ต่างก็ย้ำว่าพวกเขาเองก็เป็นเหมือนคู่บ่าวสาวอื่น ๆ ทั่วไป ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปเลย
ขอบคุณ ข่าวจาก http://www.liekr.com/post_161073.html