“อนาคตใหม่” บุกสีลม โหนเพศที่ 3 หวังดึงเป็นฐานเสียง อ้างเป็นกลุ่มสำคัญทางเศรษฐกิจ-แสร้งลืมเรื่องปลดคนงานไทยซัมมิทฯ ที่ตนบริหารและเคยสั่งการเมื่อปี 49
ค่ำวานนี้ (9 พ.ย.) “พรรค อนาคตใหม่” โดยมีแกนนำพรรค อย่างนาย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาฯพรรค ลงพื้นที่ไปยังร้าน Telephone (เทเลโฟน) ซึ่งเป็นร้านอาหารกึ่งผับยอดฮิตของชาวสีรุ้ง ณ. สีลมซอย4 และมีการจัดรายการคืนวันศุกร์ให้ประชาชน ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ เพจ “Thanathorn Juangroonguangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เกย์ไทยแลนด์
ภายใต้กิจกรรม “#ShiftBKK กรุงเทพขยับ” ซึ่งเป็นการรณรงค์รับสมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ครั้งที่ 2 ในเขตกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ผู้ประกอบกิจการ และนางโชว์ ในย่านสีลม ร่วมดำเนินรายการด้วย
ทั้งนี้ “นาย ชยังกูร อาดำ” เจ้าของร้านเทเลโฟน เผยว่า “ตนเองทำธุรกิจนี้มา 30 กว่าปีแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนความเป็น เกย์ เอนเทอร์เทน จะมีแค่ย่านนี้ แต่ปัจจุบันเริ่มกระจายไปหลายแห่ง แต่ตนก็ยังอยู่ที่นี่มาจนปัจจุบัน สิ่งที่คนทำธุรกิจย่านนี้ต้องการ อยากให้รัฐเห็นความสำคัญคือ การดูแลของรัฐโดยโปร่งใส ทั้งนี้ ธุรกิจกลางคืนเป็นรายได้หลัก
“ประเทศไทยมีสถานบันเทิงมากมาย ทั้งผับ บาร์ ร้านอาหารต่างๆ ถ้ารัฐทำให้ถูกต้อง มีใบอนุญาต ดูแลสวัสดิการให้เท่าเทียม โดยคำนึงว่างานกลางคืนก็เป็นปากท้องของประชาชนเหมือนกัน ก็จะจัดสามารถจัดเก็บภาษีเข้าได้มากมาย ทุกวันนี้ ตนเองพยายามผลักดันเรื่อง พ.ร.บ. คู่ชีวิต แต่ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ในทางกฎหมายมีความสำคัญแน่นอน ไม่ต่างจากหญิงชายแต่งงานกัน ซึ่งถ้าผลักดันได้ จะเป็นเรื่องที่ก้าวหน้ามาก เพราะเมื่อเป็นกฎหมายแล้ว สิทธิต่างๆ ไม่ว่ามรดก สินทรัพย์ ความเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์ก็จะได้รับการคุ้มครองด้วย” เจ้าของร้าน ระบุ
ขณะที่ ทางด้าน “ซีพี” นางโชว์แห่งสีลม กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า “ปัญหา คือ ปัจุบันนักท่องเที่ยวน้อยลง ทัวร์ที่เข้ามาก็น้อยลง เงินเดือนของนางโชว์มีก็จริง แต่ไม่พอ ต้องอาศัยทิปจากแขกและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว อาชีพเราถือว่าเป็นแรงงานนอกระบบ ไม่มีหลักฐานเหมือนแรงงานออฟฟิศ
“จะซื้อบ้าน ซื้อคอนโดมิเนียมก็ลำบาก ถ้าเรียกร้อง ได้อยากให้ยอมรับความหลากหลายทางเพศ มากขึ้น วันนี้เหมือนจะยอมรับ แต่จริงๆแล้วใช่หรือไม่ โฆษณาหลายชิ้นในประเทศก็ทำให้คนหลากหลายทางเพศเป็นตัวตลก เป็นการล้อเลียน เรากลายเป็นตัวตลก ซึ่งไม่ใช่แค่เพศทางเลือกอย่างเดียว คนอ้วน คนผอม ต่างๆ เหล่านี้ก็โดนด้วย”
อย่างไรก็ตาม “นายธนาธร” ระบุในวันที่ลงถนนสีลมว่า “ธุรกิจกลางคืน มีความสำคัญกับเศรษฐกิจมาก “คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” ก็เคยพูถึงเรื่องนี้ และเคยมีการศึกษาว่า สร้างเม็ดเงินกว่า 1.8 แสนล้าน ต่อปี เฉพาะในกรุงเทพฯ ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท มีการจ้างงาน 7 แสนงาน และยังจ้างแรงงานที่เป็นแรงงานต่างด้าวด้วยอีก 5 แสนคน แต่ปัจจุบัน กลับเก็บภาษีจากธุรกิจกลางคืนได้แค่ 100 ล้านบาท ซึ่งถือว่า น้อยมาก และเรื่องนี้มีข้อถกเถียงกัน
มีคนที่บอกว่าต้องทำให้ถูกต้อง แต่ที่สำคัญสำหรับเรา คือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ศาสนา อายุ วัย อาชีพ คนทุกคนควรเท่าเทียมกันในด้านสิทธิ์เหล่านี้ เรามาวันนี้เพื่อให้เห็นอีกมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่คนไม่ค่อยเห็น…”
อย่างไรก็ตาม แม้การลงพื้นที่ของ “นาย ธนาธร” หากมองอย่างผิวเผิน อาจเข้าใจได้ว่า เป็นการทำเพื่อชูนโนบายการเท่าเทียมกันทางเพศ และความเป็นมนุษย์ตามสโลแกนของพรรคฯ แต่หากพิจารณาอย่างแท้จริง จะพบว่า การที่ “พรรคอนาคตใหม่” ลุยพื้นที่สีลมค่ำวานนี้ นั้นเป็นเพราะทางพรรคฯ หวังเจาะใช้คนกลุ่มนี้เป็นฐานเสียง ดังเช่นที่พวกเขาเคยเจาะตลาดคนรุ่นใหม่มาแล้วหลายกลุ่ม ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นประเด็นที่น่าสงสัยอยู่เช่นกัน เพราะ ก่อนหน้านี้ พบว่า “นายธนาธร” ที่สร้างภาพในเรื่องดังกล่าว มักมีพฤติกรรมที่สวนทางกันกับสิ่งที่พูดเสมอ
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้น สังคมคงได้เห็นในเชิงประจักษ์แล้ว เช่น “นาย ธนาธร”เอง พยายามสร้างภาพว่า “พวกเขาจะจัดตั้งนโยบายรัฐฯสวัสดิการ หากชนะการเลือกตั้ง แต่ก่อนหน้านั้น (26 ธ.ค.49) กลับมีการสั่งปลดคนงานไทยซัมมิท จำนวน 260 คน เนื่องจากกลัวว่าพอพนักงานเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานแล้ว จะทำให้ลูกจ้างมีอำนาจต่อรองกับบริษัทมากขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ์พนักงานของตนเองอย่างแรง และการกระทำเฉกเช่นนี้ถือว่าสวนทางกับสิ่งที่เขาลั่นวาจาออกมาเป็นอย่างยิ่ง …
ขอบคุณ ข่าวจาก https://www.tpolitic.com/contents/4965