อัลเลน ทีจี หนึ่งในผู้จัดการ Torture Garden ชมรมเฟติชที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า “เรื่องแบบนี้ ทำให้ [BDSM] เสียชื่อ โดยทั่วไปแล้ว ในความสัมพันธ์แบบ BDSM มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนพอสมควร มันเป็นเรื่องของการสมยอม”
ตอนที่ เอริก ชไนเดอร์แมน อัยการสูงสุดของนิวยอร์กถูกกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายเมื่อไม่นานมานี้ เขาปฏิเสธทุกข้อหาโดยระบุว่า การเข้าไปข้องเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศแบบที่ไม่มีการสมยอม เป็นเรื่องที่เขาไม่มีวันข้ามเส้น
“ในเรื่องความสัมพันธ์ใกล้ชิด ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล ผมเคยมีกิจกรรมทางเพศที่มีการเล่นสวมบทบาท หรือกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างสมยอมกัน ผมไม่ได้ทำร้ายใคร” เขากล่าวกับนิตยสารนิวยอร์กเกอร์ ซึ่งเปิดโปงเรื่องนี้ เกย์หาคู่
มีผู้หญิง 4 คน กล่าวว่า เขาตบพวกเธอหลายครั้ง และหนึ่งในนั้นระบุว่า เขารบเร้าให้เธอเรียกเขาว่า “เจ้านาย” ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายไม่ได้สมยอมกันหลายสถานการณ์ด้วย
มิเชลล์ แมนนิ่ง บาริช อดีตแฟนสาวคนหนึ่งของเขา กล่าวว่า “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่กิจกรรมทางเพศนั้นก็ไม่เข้าร่องเข้ารอยแล้ว ฉันไม่ได้ยอมให้ใครมาทำร้ายร่างกาย” ขณะนี้อัยการนิวยอร์กกำลังสอบสวนข้อกล่าวหาต่าง ๆ อยู่
- นางแบบรัสเซียวอนสหรัฐฯช่วย แลกกับการเผยความลับทรัมป์กับรัสเซีย หลังถูกจับเพราะเปิดคอร์สสอนเซ็กส์ในไทย
- ทำไมฉันถึงไม่อยากมีเซ็กส์กับผู้ชายที่ฉันรัก?
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผู้ชายที่ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่ายกายอ้างว่า เขาทำไป เพราะเป็นการสมยอมในการมีเพศสัมพันธ์กันอย่างรุนแรง (ในกรณีของนายชไนเดอร์แมน เขามีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้กล่าวหา 3 คน จาก 4 คน โดยผู้หญิงคนที่ 4 บอกว่า เขาตีเธอ หลังจากที่เธอปฏิเสธเขา)
ในปี 2014 จีอัน โกเมชี นักดนตรีชาวแคนาดา และอดีตนักจัดรายการวิทยุ ถูกยกฟ้องในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศหลายข้อหา หลังจากที่ผู้หญิงหลายคนอ้างว่า เขาบีบคอ ตบหน้า และกัด พวกเธอ โดยที่ไม่มีการเตือนหรือยินยอม
ส่วนในปี 2015 ผู้หญิง 9 คนได้กล่าวหา เจมส์ ดีน ดาราภาพยนตร์ผู้ใหญ่ ว่า ทำร้ายพวกเธอ และไม่เคารพขอบเขตทางเพศ หรือ ไม่ฟังคำพูดที่ตกลงกันไว้ว่าเมื่อพูดแล้วจะยุติกิจกรรมทางเพศ (safe words) เขาปฏิเสธข้อกล่าวหา และไม่มีการตั้งข้อหาใด ๆ ต่อเขา
ช่วงไม่นานมานี้ กรณีของนายชไนเดอร์ ได้ถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิดในสังคมของกลุ่มที่เล่น BDSM ซึ่งเป็นตัวย่อมาจากคำหลายคำ ที่บางคำมีความหมายคล้ายคลึงกัน ได้แก่
- ความเป็นทาส (bondage)
- การลงโทษ (discipline)
- การปกครอง (dominance)
- การยอมจำนน (submission)
- การมีความสุขจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด (sadism)
- และการมีความสุขจากการถูกผู้อื่นทำให้เจ็บปวด (masochism)
บีบีซี ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญทางเพศ และสมาชิกคนสำคัญของชุมชน BDSM หลายคน ซึ่งกล่าวว่า การสมยอมอย่างอิสระและเต็มที่ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการเล่น BDSM ซึ่งผู้ร่วมเล่นจะต้องยอมรับการทำให้เกิดความเจ็บ การยอมทนเจ็บปวด หรือ การกระทำทารุณทางร่างกาย
พวกเขาบอกว่า พวกเขาอยากจะอธิบายอย่างยิ่งว่า ความจริงแล้ว อะไรคือความสัมพันธ์แบบสมยอมกันของ BDSM
ผู้คนจำนวนมาก ซึ่งเล่น BDSM หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า การมีเพศสัมพันธ์ที่นอกเหนือบรรทัดฐานปกติ (kinky sex) อาจจะไม่ถือว่าตัวเองมีความสัมพันธ์แบบ BDSM หรือ เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน BDSM เพราะว่า ขอบเขตจินตนาการทางเพศ เป็นเรื่องส่วนบุคคล และขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน
ซาราห์ มาร์ติน ผู้ฝึกสอนด้านเพศสัมพันธ์ที่ผ่านการรับรอง กล่าวว่า “คนจำนวนมากเริ่มด้วยอะไรง่าย ๆ อย่างเช่น การปิดตา และมันก็อาจจะเร้าอารมณ์ และต่อกันติด ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษอะไร”
“ควรจะมีการสมยอมกันอย่างอิสระ และสามารถที่จะเปลี่ยนใจตอนไหนก็ได้” มาร์ติน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการบริหารของสมาคมผู้ฝึกสอนด้านเพศโลก กล่าว “คนจำนวนมากคิดว่า ถ้าคุณสมยอมแล้ว ก็หมายความว่า ต้องยอมจนเสร็จ แต่นั่นไม่ใช่เลย”
คำศัพท์เกี่ยวกับ BDSM
- คิงก์ (Kink) – คำกว้าง ๆ ที่ปกติหมายรวมถึงกิจกรรมทางเพศที่ถูกมองว่า อยู่นอกเหนือจากบรรทัดฐาน
- BDSM – คำย่อนี้ หมายถึง การตกลงกันทางอำนาจ บางครั้งอาจจะไม่ชัดเจนว่าเป็นเรื่องทางเพศ
- ผู้ปกครองและผู้ยอมจำนน (Dominant and submissive) – ชื่อเรียกบทบาทของแต่ละคนที่เล่น BDSM
- เพลย์และซีน (Play and scene) – ผู้เล่น BDSM บอกเล่าเรื่องของตัวเองขณะที่เล่นอยู่ในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
- มันช์ (Munch) – การพบกันอย่างไม่เป็นทางการของคนที่เข้าร่วม หรือสนใจใน BDSM
- วานิลลา (Vanilla) – หมายถึง คน หรือ เพศสัมพันธ์ ที่เป็นไปตามบรรทัดฐาน
- คำปลอดภัย (Safe words) – คำหรือการแสดงสัญญาณที่ตกลงกันไว้กับคู่ที่ร่วมเล่น เพื่อเตือนให้พวกเขารู้ถึงขีดจำกัดทางร่างกายของคุณ
- อาฟเตอร์แคร์ (Aftercare) – มีความสำคัญไม่ต่างจากซีน (scene) เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน บางคนอาจจะใช้ผ้าห่ม, การเคล้าเคลีย, การสนทนา หรืออาจจะเป็นชาสักถ้วยก็ได้ ในการผ่อนคลายผู้ร่วมเล่นให้กลับสู่สภาพปกติ
ในการกระทำตามที่ได้รับการบอกกล่าวกันนั้น ซับ (sub ย่อมาจาก submissive ซึ่งหมายถึง ผู้ยอมจำนน) จำเป็นต้องรู้ว่ากิจกรรมที่จะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง และจะเกิดขึ้นอย่างไร
“ร่างกายของแต่ละคนก็มีการตอบสนองต่อการสัมผัสที่แตกต่างกันไป” ผู้ฝึกสอนด้านเพศอธิบาย “คุณอาจจะยอมถูกตีก้นด้วยมือ แต่ถ้าเมื่อคู่ของคุณใช้ไม้ นั่นก็ไม่ใช่การสมยอมตามที่ได้รับการบอกกล่าวต่อกัน”
“เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ในการ ‘สร้างความประหลาดใจ’ ให้กับใครด้วยการตบหน้า, ลงแส้, ปิดตา หรืออะไรก็ตามที่ไม่ได้บอกกับพวกเขามาก่อน” เกิร์ล ออน เดอะ เน็ต (Girl on the Net) บล็อกเกอร์ด้านเพศที่ไม่เปิดเผยชื่อ กล่าว
อัลเลน กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความเข้าใจผิดว่า ดอม (dom ย่อมาจาก dominant ซึ่งหมายถึง ผู้ปกครอง) คือคนที่คอยควบคุม
“ดอมที่ดี ต้องทำให้ ผู้ยอมจำนนมีความสุข และนั่นก็ทำให้ฝ่ายดอม มีความสุขด้วย ถ้ามันเกิดขึ้นเพียงทางเดียว นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี” ผู้จัดการชมรมเฟติช กล่าว
ดร. เซลินา คริสส์ นักเพศวิทยาด้านการรักษา เห็นด้วย เธอกล่าวว่า “อาจบอกได้ว่า อำนาจที่อยู่ในซีน ต้องสอดคล้องกับผู้ยอมจำนน เพราะจะทำอะไรไม่ได้หากไม่มีการเห็นชอบร่วมกัน”
เล่นให้ปลอดภัย
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การสื่อสารกัน และการเข้าใจกัน เป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดี เพราะเมื่อเปิดเผยเรื่องราวจินตนาการส่วนตัวให้แก่กันและกันก็จะมีความใกล้ชิดกันเกิดขึ้น ระดับของความไว้ใจก็พัฒนาขึ้น เมื่อมีความสัมพันธ์แบบ BDSM
“คนที่เข้าร่วมชุมชน BDSM มีความภูมิใจในทักษะการเจรจาและการสื่อสารของตัวเอง” ดร. คริสส์ กล่าว “ตามอุดมคติแล้ว การเจรจาเกิดขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะแตะต้องตัวกัน”
เกิร์ล ออน เดอะ เน็ต (Girl on the Net) แนะนำว่า ให้ฟังอย่างละเอียด อ่านภาษากายและน้ำเสียงของอีกฝ่าย ควรถามเพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่า พวกเขารู้สึกสบายใจในทุกขั้นตอนของการเล่น
นักเขียนที่ไม่เปิดเผยชื่อ ก็อธิบายเช่นกันว่า ใน BDSM มี “คำปลอดภัยหลายคำหรือสัญญาณต่าง ๆ ที่ตกลงกันไว้ก่อนว่า นั่นหมายถึง การหยุดกระทำในทันที”
มาร์ติน อธิบายว่า ตัวอย่างที่พบโดยทั่วไปง่าย ๆ ในเรื่องนี้ก็คือ ระบบสัญญาณไฟจราจร ซึ่งอาจจะมีการใช้บัตรที่เป็นสี หรือ การพูดชื่อสี ก็ได้ เขียว หมายถึง “ยอดเยี่ยม ทำต่อไป” เธอกล่าวต่อว่า “เหลืองคือการ ตรวจสอบ แต่ไม่จำเป็นต้องหยุด และแดง คือ ไม่ นั่นหมายถึง ต้องหยุด หมายถึงพอแล้ว”
แล้วทำไมถึงไม่ใช้แค่คำว่า “ไม่” (no) ล่ะ?
ผู้ฝึกสอนด้านเพศกล่าวว่า “สำหรับบางคน การพูดว่า ไม่ แต่อีกฝ่ายอาจจะไม่ฟัง เพราะนั่นอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของจินตนาการทางเพศ แต่คุณต้องเจรจาเรื่องนี้ก่อน เพื่อที่ฝ่ายผู้ปกครองจะได้รู้ว่า นั่นคือ การที่คุณกำลังมีความสุขอยู่”
ข้ามเส้น
การล้ำเส้นขอบเขตทางเพศ อาจเกิดขึ้นได้ แต่ดร. คริสส์ นักเพศวิทยา บอกว่า ให้สื่อสาร การเจรจา และถามย้ำถึงความสมยอมร่วมกัน เพื่อไม่ให้เพศสัมพันธ์ที่รุนแรง กลายเป็นการจงใจล่วงละเมิด
“คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ BDSM อาจจะมีความเข้าใจผิดหลายอย่างตามที่พบเห็นในภาพยนตร์” เธอกล่าว ซึ่งเธอหมายถึงภาพยนตร์และนิยายอีโรติกยอดนิยมเรื่อง ฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์ (Fifty Shades of Grey)
มาร์ติน เตือนว่า การเล่าถึงความสัมพันธ์แบบ BDSM เช่นนั้น เป็นความเพ้อฝัน และเกือบจะไม่ได้แสดงให้เห็นถึงระดับของการเจรจาและการสนทนาที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้การเล่น BDSM ประสบความสำเร็จ เธอกล่าวว่า “วิธีที่เร็วที่สุดที่ [การล่วงละเมิด] จะเกิดขึ้น ก็คือ ถ้าไม่มีการสื่อสารกัน”
เกิร์ล ออน เดอะ เน็ต เปรียบเทียบมันกับกีฬาที่มีการกระแทก BDSM เป็นการล่วงละเมิด เช่นเดียวกับเวลาต่อยมวย แล้วถูกอีกฝ่ายชกโดยไม่มีการตั้งตัว BDSM เกิดขึ้นจากการสมยอมและการรับรู้ถึงความเสี่ยงต่าง ๆ แต่การล่วงละเมิดไม่ใช่ และเป็นการทำร้าย
“ฉันรู้ด้วยว่า การบอกว่า ‘BDSM ทำให้ผมต้องทำ’ ถูกผู้ชายที่มีอำนาจหลายคนใช้เป็นข้ออ้างในอดีต เพื่อพยายามปัดความรับผิดชอบในการกระทำของพวกเขา นั่นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ BDSM ไม่ใช่ข้ออ้างของการล่วงละเมิด”
“มันอาจจะเซ็กซี่ แต่ก็เป็นการใส่ใจกันอย่างลึกซึ้งด้วย” มาร์ติน ผู้ฝึกสอนด้านเพศกล่าว เธอบอกว่า เพศสัมพันธ์ที่อยู่นอกเหนือบรรทัดฐาน ไม่ควรถูกใช้ปกป้องพฤติกรรมรุนแรง
“มันทำให้ฉันรู้สึกว่า นั่นเป็นการพยายามฉวยโอกาสจากการที่สังคมทั่วไปไม่มีความรู้เรื่อง BDSM” เธอกล่าว
ขอบคุณ ข่าวจาก https://www.bbc.com/thai/international-44140482